เมษายน 2530
เริ่มประกอบธุรกิจการผลิตยางแผ่นรมควันที่อำเภอหาดใหญ่ ประเทศไทย โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ 31 ล้านบาท
ตุลาคม 2530
จัดตั้ง บจ. อันวาร์พาราวูด เพื่อดำเนินกิจการผลิตไม้ยางพาราสำหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงผลิตไม้ยางพารา เพื่อเป็นพาเลทสำหรับรองรับสินค้าภายในโรงงานของกลุ่มบริษัท
มีนาคม 2531
จัดตั้ง บจ. รับเบอร์แลนด์ เพื่อดำเนินกิจการผลิตน้ำยางข้น ซึ่งเป็นโรงงานผลิตน้ำยางข้นแห่งแรกของกลุ่มบริษัท
มีนาคม 2533
ร่วมจัดตั้ง บจ. ไทยเทค กับ บจ. เซาท์แลนด์ รับเบอร์ และ Itochu Corporation Limited เพื่อขยายประเภท ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมถึงยางแท่ง
สิงหาคม 2534
เสนอขายหุ้นต่อประชาชนในประเทศไทยและนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
มกราคม 2537
จัดตั้ง บจ. สตาร์ไลท์ เอ็กซ์เพรส ทรานสปอร์ต เพื่อให้บริการสนับสนุนด้านการขนส่งแก่ธุรกิจของกลุ่มบริษัท
มีนาคม 2537
จัดตั้ง บจ. พรีเมียร์ซิสเต็มเอ็นจิเนียริ่ง เพื่อสนับสนุนทางด้านวิจัยและพัฒนา รวมทั้งให้บริการด้านวิศวกรรมบริการให้แก่กลุ่มบริษัท
กันยายน 2538
จัดตั้ง บจ. สตาร์เท็กซ์ รับเบอร์ เพื่อลงทุนในธุรกิจต้นน้ำและเข้าเป็นเจ้าของสวนยางพาราในภาคใต้ของประเทศไทย
มกราคม 2539
เข้าซื้อ บจ. พรีเมียร์ซิสเต็มเอ็นจิเนียริ่ง เพื่อสนับสนุนทางด้านวิจัยและพัฒนา รวมทั้งให้บริการด้านวิศวกรรมบริการให้แก่กลุ่มบริษัท
มีนาคม 2539
ร่วมจัดตั้ง บจ. เซมเพอร์เฟล็กซ์ เอเชีย กับ Semperit Technische Produkte เพื่อทำการผลิตสาย ไฮดรอลิคแรงดันสูง
เมษายน 2545
จัดตั้ง Sri Trang International ในสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซื้อขายยางธรรมชาติสำหรับผู้ใช้รายสำคัญ เพื่อใช้เป็นแหล่งจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติของบริษัทให้แก่ลูกค้าทั่วโลก
มีนาคม 2547
จัดตั้ง Sri Trang USA, Inc. เพื่อเน้นการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติของบริษัทไปยังสหรัฐอเมริกา
ตุลาคม 2547
จัดตั้ง PT Sri Trang Lingga ในประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นแหล่งจัดหาและผลิตยางธรรมชาติแห่งแรกของบริษัทที่อยู่นอกประเทศไทย
กรกฎาคม 2547
ขยายธุรกิจไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยการจัดตั้งทีมการขายในเมืองชิงเต่า และเซี่ยงไฮ้ เพื่อทำการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติของบริษัทโดยตรง
มกราคม 2548
จัดตั้ง PT Sri Trang Lingga ซึ่งเป็นแหล่งจัดหาและผลิตยางธรรมชาติแห่งแรกของบริษัทที่อยู่นอกประเทศไทย
กุมภาพันธ์ 2550
Sri Trang International ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้รับรางวัลที่หนึ่งในฐานะผู้ทำการซื้อขายสูงสุดจาก Singapore Commodity Exchange Limited
ธันวาคม 2550
จัดตั้ง บจ. ศรีตรังแพลนเทชั่น เพื่อลงทุนในสวนยางพาราซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำ
กุมภาพันธ์ 2551
Sri Trang International ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้รับรางวัลที่สองในฐานะผู้ทำการซื้อขายสูงสุดจาก Singapore Commodity Exchange Limited
สิงหาคม 2552
เข้าซื้อ PT Star Rubber ซึ่งเป็นโรงงานผลิตยางแท่งแห่งที่สองของบริษัทในอินโดนีเซีย
ธันวาคม 2552
บมจ. ศรีตรัง ได้รับรางวัล Prime Minister's Export Award 2009 (ผู้ส่งออกยอดเยี่ยม) สำหรับการเป็นผู้ส่งออกไทยยอดเยี่ยมที่ส่งออกสินค้าไปยังตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยพิจารณาจากปริมาณการส่งออกของผลิตภัณฑ์ประเภทยางธรรมชาติ
สิงหาคม 2553
จัดตั้ง Shi Dong Shanghai ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสาธารณรัฐประชาชนจีนบริษัทแรกของบริษัทเพื่อขยายฐานการดำเนินธุรกิจในสาธารณรัฐประชาชนจีน
มกราคม 2554
บมจ. ศรีตรัง เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปในประเทศสิงคโปร์ รวมทั้งนักลงทุนสถาบัน และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นบริษัทจดทะเบียนไทยแห่งแรกที่เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศสิงค์โปร์
ธันวาคม 2554
บมจ. ศรีตรัง ออกและจำหน่ายหุ้นกู้จำนวน 2 ชุด ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่รวมจำนวน 2,150,000,000 บาท ซึ่งถือเป็นหุ้นกู้แรกของผู้ผลิตยางพาราในประเทศไทย
สิงหาคม 2555
บมจ. ศรีตรัง ได้รับรางวัล Prime Minister's Export Award 2012 สำหรับการเป็นผู้ส่งออกยอดเยี่ยมที่มีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 5,000 ล้านบาท
มกราคม 2556
การขยายกำลังการผลิต จำนวน 60,000 ตันต่อปี ของ PT SRI Trang Lingga เสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้ PT Sri Trang Lingga เป็นโรงงานยางแท่งที่มีกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศอินโดนีเซียด้วยกำลังการผลิตรวม 166,000 ตันต่อปี
กุมภาพันธ์ 2556
บมจ. ศรีตรัง ออกและจำหน่ายหุ้นกู้จำนวน 2 ชุด ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่รวมจำนวน 900,000,000 บาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนและขยายกิจการของกลุ่มบริษัท
พฤษภาคม 2556
เพิ่มทุนจดทะเบียน PT STAR RUBBER ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศอินโดนีเซีย จาก 32 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา เป็น 62 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตโดยการเพิ่มทุนผ่านทางบริษัทย่อย Sri Trang International
กรกฎาคม 2556
โรงงานยางแท่งแห่งใหม่ในจังหวัดอุบลราชธานีของ บมจ. ศรีตรัง เริ่มทำการผลิตด้วยกำลังการผลิต 60,000 ตันต่อปี
ตุลาคม 2556
Jointly established Sri Trang Ayeyar with Ayeyar Hinthar Holdings Company Limited to expand natural rubber processing base into Myanmar
ธันวาคม 2556
การขยายกำลังการผลิตจำนวน 50,000 ตันต่อปีของบมจ. ศรีตรัง สาขาสิเกา เสร็จสมบูรณ์
จัดตั้ง Sri Trang Indochina ในเมืองโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยแห่งแรกในประเทศเวียดนาม เพื่อซื้อขายและทำการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติในประเทศเวียดนาม
มกราคม 2557
โรงงานยางแท่งแห่งใหม่ของ บมจ. ศรีตรัง ในจังหวัดพิษณุโลกเริ่มดำเนินการผลิตด้วยกำลังการผลิต 60,000 ตันต่อปี
เพิ่มทุนจดทะเบียน บจ. ศรีตรังรับเบอร์ แอนด์ แพลนเทชั่น 800 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจต้นน้ำของกลุ่มบริษัท
ตุลาคม 2557
โรงงานน้ำยางข้นแห่งใหม่ในจังหวัดอุบลราชธานีของ บมจ. ศรีตรัง ซึ่งถือเป็นโรงงานน้ำยางข้นแห่งแรกของกลุ่มบริษัทในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มเปิดดำเนินการด้วยกำลังการผลิต 10,000 ตันต่อปี
เมษายน 2559
บมจ. ศรีตรังเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน บจ. ไทยเทค จากร้อยละ 33.5 เป็นร้อยละ 42.5 โดยการซื้อหุ้นจาก Itochu Corporation Limited
มีนาคม 2560
บริษัทผลิตถุงมือยางทางการแพทย์ของเราเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด” ซึ่งเป็นมิติใหม่ของศรีตรังอย่างชัดเจน
มีนาคม 2560
บมจ. ศรีตรัง และบริษัทจากประเทศออสเตรีย ได้ดำเนินการแยกกิจการของบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าที่มีระหว่างกัน* การแยกกิจการครั้งนี้ส่งผลให้บริษัทฯ มีสัดส่วนการถือหุ้นใน บจ. สยามเซมเพอร์เมด ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) เพิ่มเป็นร้อยละ 90.2
มีนาคม 2560
บจ. สตาร์เท็กซ์ รับเบอร์ จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ได้แก่ Shi Dong Shanghai Medical Equipment ขึ้นในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,650,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายถุงมือยางในสาธารณรัฐประชาชนจีน
มิถุนายน 2560
Sri Trang USA เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 2,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 3,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายถุงมือยางและอุปกรณ์การแพทย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา
กรกฎาคม 2560
บมจ.ศรีตรัง ร่วมจัดตั้ง บจ. ร่วมทุนยางพาราไทย กับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) พร้อมด้วยผู้ผลิตและผู้ส่งออกยางรายใหญ่ภาคเอกชนอีก 4 บริษัท ตามนโยบายภาครัฐ เพื่อดำเนินการซื้อขาย แลกเปลี่ยนยางพาราทั้งในและต่างประเทศ โดยมีทุนจดทะเบียน 1,200,000,000 บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16.67
ตุลาคม 2560
บมจ.ศรีตรัง ดำเนินการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) ในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 10 บาท โดยได้ดำเนินการเพิ่มทุนชำระแล้วจาก 1,280,000,000 บาท เป็นจำนวน 1,535,999,998 บาท
มีนาคม 2561
บจ. ศรีตรัง รับเบอร์ แอนด์ แพลนเทชั่น เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 6,227,500,000 บาท เป็น 6,555,000,000 บาท เพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจสวนยางพารา
สิงหาคม 2561
บจ. สตาร์เท็กซ์ รับเบอร์ เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 2,114,898,000 บาท เป็น 2,635,000,000 บาท เพื่อใช้ในการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ Shi Dong Shanghai Medical Equipment ใช้ในการขยายธุรกิจจัดจำหน่ายถุงมือในประเทศจีน
สิงหาคม 2561
ที่ประชุมคณะกรรมการบมจ.ศรีตรัง มีมติเห็นชอบให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในบจ. ไทยกอง (“TK”) ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจถุงมือยาง ในประเทศไทย โดยนำ TK ไปควบบริษัทกับบจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย)
ธันวาคม 2561
Sri Trang USA ชำระเงินเพิ่มทุนจดทะเบียนส่วนที่เหลือจากเดิมจำนวน 3,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 5,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้ในการสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจถุงมือยางในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
เมษายน 2562
บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในบริษัทลูกของศรีตรัง ได้ควบกิจการกับบริษัท ไทยกอง จำกัด (มหาชน) (“TK”) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตถุงมือยางที่มีโรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดตรัง และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“STGT”)
เมษายน 2562
บจ. ศรีตรังรับเบอร์แอนด์แพลนเทชั่น เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 6,555,000,000 บาท เป็น 6,755,000,000 บาท เพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจสวนยางพารา
กรกฎาคม 2562
กลุ่มบริษัทศรีตรังได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล FSCTM (Forest Stewardship Council™) ทั้งประเภท มาตรฐานการจัดการสวนป่าอย่างยั่งยืน (Forest Management Certification) และมาตรฐานการจัดการห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์ (Chain-of-Custody Certification) นับได้ว่าเป็น ผู้ผลิตยางธรรมชาติแบบครบวงจรรายแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน FSC ครบทั้งห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์
มิถุนายน 2562
จัดตั้ง บจ. ศรีตรัง ไอบีซี ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 10,000,000 บาท เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการด้านเทคนิค นวัตกรรม สารสนเทศ และที่ปรึกษา
มิถุนายน และ กันยายน 2562
ปรับโครงสร้างการถือหุ้นของ Shi Dong Shanghai Medical Equipment และ Sri Trang USA ที่ตั้งอยู่ ณ สาธารณประชาชนจีน และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ โดยจำหน่ายหุ้นทั้งหมดให้แก่ บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) เพื่อมุ่งประกอบธุรกิจถุงมือยางเพียงอย่างเดียว
มิถุนายน 2563
การขายเงินลงทุนทั้งหมดในบจ. พัฒนาเกษตรล่วงหน้า ให้กับผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของบริษัทดังกล่าว
กรกฎาคม 2563
บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
ธันวาคม 2563
ปรับโครงสร้างการถือหุ้นของ บจ. พรีเมียร์ซิสเต็มเอ็นจิเนียริ่ง และ บจ. สะเดา พี.เอส.รับเบอร์ โดยจำหน่ายหุ้นที่บริษัทฯ ถือทั้งหมดให้แก่ บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) เพื่อรองรับต่อการขยายตัวของธุรกิจ ถุงมือยาง
สิงหาคม 2564
บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ขึ้นในประเทศสิงคโปร์ ได้แก่ Sri Trang Gloves Global เพื่อประกอบธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ทางการเงิน และการลงทุนทางการเงิน
ตุลาคม 2564
บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ได้แก่ PT Sri Trang Gloves Indo เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายถุงมือยาง
ตุลาคม 2564
บจ. ศรีตรัง รับเบอร์ แอนด์ แพลนเทชั่น ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตในการผลิต (ปลูก) กัญชงจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
พฤศจิกายน 2564
บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ขึ้นในประเทศเวียดนาม ได้แก่ Sri Trang Gloves Vietnam เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายถุงมือยาง
มิถุนายน 2565
บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Sri Trang Responsible Gloves Supply Inc. เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายถุงมือยาง ด้วยทุนจดทะเบียนจำนวน 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
สิงหาคม 2565
บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์ ได้แก่ Sri Trang Gloves Philippines Inc. เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายถุงมือยาง ด้วยทุนจดทะเบียน จำนวน 104,662,400 เปโซฟิลิปปินส์
ตุลาคม 2565
บมจ. ศรีตรัง จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ขึ้นในสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ ได้แก่ Sri Trang Africa SA. เพื่อประกอบธุรกิจซื้อขายยางธรรมชาติ ด้วยทุนจดทะเบียนจำนวน 10,000,000 ฟรังเซฟา
มิถุนายน 2566
Sri Trang Africa SA. ได้เปิดศูนย์รับซื้อวัตถุดิบยางธรรมชาติแห่งแรกในสาธารณรัฐโกตดิวัวร์
พฤศจิกายน และ ธันวาคม 2566
Sri Trang Africa SA. ได้จัดตั้งโรงงานยางในสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ เพื่อประกอบกิจการผลิตยางธรรมชาติ และเปิดศูนย์รับซื้อวัตถุดิบยางธรรมชาติเป็นแห่งที่ 2
มีนาคม 2567
บมจ. ศรีตรัง ได้ประกาศความพร้อมเปิดตัวยางมีพิกัด (GPS) ซึ่งเป็นยางที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของยางได้ 100 % เตรียมพร้อมรับตามข้อกำหนดของกฎหมาย EUDR จากกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป
เมษายน 2567
Sri Trang Africa SA. ได้เริ่มดำเนินการโรงงานผลิตยางแท่ง
เมษายน 2567
บมจ. ศรีตรัง ได้เริ่มจำหน่ายและส่งมอบยาง EUDR ในเชิงพาณิชย์ให้กับลูกค้า
กรกฎาคม 2567
บมจ. ศรีตรัง ประกาศความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2050 โดยมีเป้าหมายเป็น "Carbon Neutral Company" ภายในปี 2030 ผ่านการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และเชื้อเพลิงชีวมวล พร้อมทั้งประเมินโครงการกักเก็บคาร์บอนจากสวนยางพาราเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม